Monday, October 10, 2011

ดินเลนและมดน้อย

วันนี้เป็นหนึ่งวันที่เหนื่อยมาก
อันที่จริงวันสองวันที่ผ่านมานี้ก็เหนื่อย แต่ว่าเหนื่อยจากคนละสาเหตุ
สองวันที่ผ่านมาเหนื่อยเพราะโปรเจค เพราะหน้าคอม
แต่วันนี้เหนื่อยเพราะว่า CPE23 ได้ไปปลูกป่ากัน ^^
โดยในตอนเช้า ฝนก็ตกนิดหน่อย แต่พวกเราก็ยังไปปลูกป่ากันได้
จากตอนแรกที่กังวลกันว่า พอไปถึงแล้วจะปลูกได้รึเปล่า
แต่พอไปถึงแล้ว แม้ฝนจะตก แต่ว่าเพื่อนๆก็ลุยกันทุกคน
รูปตอนไปปลูกคงไม่มีมาให้ดูเพราะว่าติดกล้องไปด้วยไม่ได้
มีแต่บรรยากาศรอบๆมาให้ดูคร่าวๆ
ร้านขายของเล็กๆในบริเวณคลองโคน จ.สมุทรสงคราม

อยากจะบอกคนที่กำลังจะไปปลูกป่าชายเลนว่า
มันจะ "เลอะ" กว่าที่คิด เยอะมาก 555
ฉะนั้น เครื่องอาบน้ำก็เตรียมกันไปให้ดีๆก็แล้วกัน ;)
ใส่ถุงเท้ายาวไปด้วยจะดีมากเพราะว่าจะมีเปลือกหอยบาดแข้งบาดขา

ตอนที่จะไปปลูก สำหรับที่คลองโคนนี่ ต้องนั่งเรื่อไป
วิวสวยมาก เพื่อนยังพูดอยู่เลยว่าถ้าฝนไม่ตกฟ้าคงจะสวยมาก
แต่ส่วนตัวคิดว่า แค่ได้เห็นฟ้ากว้างๆ แม้ฟ้าจะไม่ฟ้าใส เพราะว่าเมฆลงต่ำ
แต่ก็ไม่บ่อย ที่จะได้เห็นฟ้ากว้างๆแบบนี้
ยังคิดอยู่เลยว่าเป็นที่เราเองอีกแล้วใช่ไหม ที่ไม่เดินออกมาเอง
เพราะว่าฟ้ามันก็กว้างของมันอย่างนั้นมาตั้งนานแล้ว
พอไปถึง ลงจากเรือ คว้าต้นกล้าแล้วก็ไปปักลงในดินเลน
หนักสุดก็ตอนเดินในเลนนี่แหละ
ถ้ามีใครมาเห็น สภาพก็ไม่ต่างอะไรกับพวกรูปปั้นประติมากรรมคนที่ก้าวแล้วคว้าอะไรซักอย่าง
ตอนเห็นเพื่อนๆอยู่ก็ตลกเฮฮากันไป พอลงเองจริง รู้สึกว่า ตัวเองก็จะกลายเป็นหุ่นประติมากรรมจริงๆซะแล้ว ;)
อีกอย่างที่เพื่อนๆชอบกันมากคือ "สกี!"
ใครจะไปคิดละว่ามาปลูกป่ามีสกีให้เล่นด้วย
เป็น option เสริมสุดเด็ดสำหรับการมาปลูกป่าที่นี่เลยทีเดียว
ใครอยากรู้ว่าเป็นยังไง อันนี้ต้องมาลองเองถึงจะเข้าใจ
เล่นเอาเด็กวิศวะหิวโซขึ้นรถกันเป็นแถวๆเลยทีเดียว

ส่วนในตอนบ่าย เราก็ได้ไปทานอาหารกลางวันกันที่ "ศูนย์การศึกษาพิเศษ จ.สมุทรสงคราม วัดบางกะพ้อม เด็กพิการ" คือเป็นศูนย์การศึกษาสำหรับน้องๆที่เป็นเด็กพิเศษ ซึ่งอยู่ในวัดอีกทีหนึ่ง
วัดบางกะพ้อม

พวกเรามาที่นี่เพื่อมาช่วยซ่อมบำรุงศูนย์และก็มีของมาบริจาคด้วยเป็น แพมเพิร์สกับขนมเซียงไฮ

แพมเพิร์สที่เอามาให้ที่ศูนย์ ^^

ไปทานข้าวกลางวันที่นี่
ตอนทานไปก็สังเกตุไป รู้สึกว่าเขาต้อนรับเรา เรียกได้ว่า "ดีมาก"
โต๊ะที่ทานอาหารก็มีผ้าปูโต๊ะสองชั้นอย่างสวย แถมผ้าสะอาดด้วยนะ แอบเปิดผ้ามาดู โต๊ะก็สะอาด
บนโต๊ะมีกระถางดอกไม้หรือบางโต๊ะก็เป็นแจกันเล็กๆพร้อมทั้งจานวางลูกอมอยู่ข้างๆทุกโต๊ะเลย

 ยิ่งไปกว่านั้น เขายก projector ออกมาเพื่อกล่าวต้อนรับและแนะนำศูนย์ด้วย
พี่พิธีกร (น่าจะเป็นคุณครูคนหนึ่งของที่นี่) น่ารักมาก ดูเป็นกันเองแล้วก็ใจดีๆ ส่วนตัวเองที่เคยได้รับหน้าที่เป็นพิธีกรอยู่บ้าง ก็รู้สึกว่าพิธีกรคนนี้พูดได้ดีไม่น้อย ไม่ติดๆขัดๆ ไม่กลัวการพูดกับคนมากๆ ใช้คำได้ดีทีเดียว

ถึงขนาดให้อธิการศูนย์มากล้าวต้อนรับกันเลย ยังแอบตกใจนิดหน่อย
อารมณ์คงเหมือนตอนที่จัดโครงการวิศวสัญจรที่ม.เกษตร วิทยาเขตสกลนคร แล้วอยู่ๆ คณบดีเข้ามาทักทาย :)

แล้วหลังจากแนะนำกันพอสมควรแล้วก็เริ่มลุยการซ่อมบำรุงโรงเรียนกันเลย
จริงๆแล้วทำหลายส่วนเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น กางสแลน ทาสีรั้ว ทาสีเครื่องเล่น ทาสีอาคาร ขัดสนิม

,,Before,,

,,After,,

ทีนี้เด็กๆคงจะได้ใช้ของใหม่ๆสวยๆกันแล้ว ^^
หลังจากทาสีเสร็จก็ได้ไปคุยกับท่านอธิการ ได้ความรู้เกี่ยวกับเด็กออทิสติกมาว่า
ถ้าหากเราต้องรับเมือกับเด็กๆเหล่านี้
ถ้าน้องเค้าไม่ฟัง อันดับแรกต้องล็อคเค้าได้อยู่ก่อน หรือไม่ก็เอาเข้ามุม
โดยสำคัญที่ว่าในการล็อคครั้งแรก จะต้องล็อคให้อยู่ เพราะว่าถ้าล็อคครั้งแรกไม่อยู่
ครั้งต่อไปเค้าจะไม่ฟังเราแล้ว เพราะคิดว่า ครั้งก่อนยังหลุดออกมาได้เลย
แล้วก็ได้เรียนรู้การล็อคแบบง่ายๆมาด้วย
หลังจากนั้นก็ต้องคุยกับเค้าด้วยเหตุด้วยผล
แต่ว่าถ้าจะให้เอาให้อยู่จริงๆ คือเรียกว่ารับมือได้จริงๆเนี่ย
จะต้องใช้เวลาศึกษาเด็กคนนั้นก่อน เพราะว่าเด็กแต่ละคนต่างกัน
อย่างที่ศูนย์นี้ เด็ก 1 คน จะมีแผนการดูแล 1 แผน แต่ละคนไม่เหมือนกัน
ซึ่งแผนนี้จะเกิดจากการมาคุยมาคิดกันระหว่างคุณครูที่นี่และผู้ปกครอง
ส่วนตัวเคยจัดค่ายแล้วเจอเด็กเหล่านี้อยู่มาพอสมควร
พอจะเห็นภาพ
พอเห็นไปนานๆแล้วก็สงสาร
เสียดายที่ว่าวันนี้เป็นวันที่น้องๆไม่ได้มาที่ศูนย์นี้ เพราะว่าเป็นวันปิดซ่อมบำรุง
อยากให้เพื่อนๆได้เจอเด็กๆเหล่านี้บ้าง
เพราะว่าเราเองเคยเจอแล้วก็รู้สึกได้เลยว่า
เราที่ว่าทุกข์อย่างนั้นอย่างนี้
คนหลายคนที่เค้าเป็นหนักกว่าเรา
น่าสงสารกว่าเรา
แต่ทั้งที่สุดแล้ว
เขาก็เป็นคนเหมือนกันกับเรา
รักชีวิตของตน
หนึ่งชีวิตเหมือนกัน
ไม่ว่าจะเป็นคนหนึ่งคน
หรือเป็นมดหนึ่งตัว

...

No comments:

Post a Comment