Friday, April 20, 2012

Internship: Day3

วันนี้ก็ปาเข้าไปวันที่ 3 แล้ว กับการมาฝึกงานที่ BAY computing
เอาตามตรงก็คือไม่ได้ทำอะไรมากมาย แต่ก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมดา หลายๆที่ก็เป็นแบบนี้ กับเรื่องของการฝึกงาน

งานในวันนี้ก็ได้รับมาเป็นงานเอกสาร
คือไปช่วยพี่เค้าตรวจสอบเอกสารที่พิมพ์ใหม่ ว่าตรงกับต้นฉบับหรือเปล่า
พอดีว่าอันนี้เป็นความชำนาญส่วนตัว เนื่องจากทำงานกับชุมนุมวิชาการมาก่อน
เรื่องเอกสารจึงค่อนข้างทำมามากพอตัว
นั่นก็คือโดนซัดกลับมาเยอะพอตัวนั่นเอง = ='
จึงพอจะรู้อยู่เหมือนกันว่าปกติเค้าจะพิมพ์ผิดกันตรงไหน
ก็เลยสบายหน่อยนึง
แต่ว่าหลักๆก็คือได้รู้เรื่องของ spec กับการสั่งของ
ว่าต้องดูแลรับผิดชอบในเรื่องอะไรบ้าง
ต้องสั่ง requirement อะไรบ้างไม่ให้เค้าโกงเราได้
สนุกดีเหมือนกันนะ แต่ว่ามันมีนิดเดียวเอง
ยังดูไม่หายอยากรู้เลย :]
จะต้องดูแล คือต้องมีการสั่ง requirement ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร
นั่นคือจะต้องสามารถตรวจสอบได้ทั้งสิ้น จะมาเบี้ยวกันไม่ได้
ตั้งแต่เรื่องของการสั่งของจากบริษัทผู้ผลิต ว่าจะต้องมีของครบตามมาตรฐานของชิ้นๆนั้น หรือระบบนั้น
แม้ว่าเราจะไม่ได้ระบุเป็นลายลักษณ์อักษรว่าเราไม่ได้สั่ง
ไม่ใช่ว่า เราไม่ส่ง ก็ไม่เอามาให้เราด้วย ทั้งๆที่ตามมาตรฐานแล้วจะต้องมีเหมือนกัน
นั่นก็ืคือเราไม่จำเป็นต้องเขียนของครบเป๊ะทุกชิ้นก็ต้องได้ของครบทุกชิ้นนั้นเอง

ต่อมาก็ดูเรื่องของ spec
ซึ่งเพิ่งจะรู้วันนี้เองว่าเวลาเราพูดว่าสเปกเครื่องนั้น ภาษาทางการเค้าใช้คำว่า "คุณลักษณะเฉพาะ" กัน
จำได้ว่าตอนทำเอกสารวิชา software engineering นี่ไม่รู้จะใช้คำว่าไรดี
ก็เลยทับศัพท์ไปดื้อๆซะอย่างนั้น
ที่ว่าดูแลก็คือจะต้องมีการตรวจสอบว่า spec นั้นเป็นอย่างไรบ้าง
ไม่ใช่แค่ตัว PC หรือ server แต่ว่าต้องทำทุกอย่างเลย
ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟที่มีลักษณะของการประมวลผลเข้าไปจัดการ
หรือว่าเครื่อง scan ลายนิ้วมือของพนักงาน
หรือว่าจะเป็น UPS ก็ตาม

ดูแลไปจนถึงการบรรจุหีบห่อ
ว่าจะต้องมีระบบการบรรจุหีบห่อ และขนส่ง รวมไปจนถึงการติดตั้งให้ลูกค้าได้อย่างมีมาตรฐานนะ
ไม่ใช่ว่าเค้าซื้อ เราก็หาให้ แต่ว่าส่งไปแบบธรรมดาๆ
งี้ของก็พังหมดพอดี

และเรื่องของการรับประกัน
ว่าของแต่ละอย่างต้องรับประกันไม่น้อยกว่ากี่ปีๆ
ส่วนมากก็จะเป็น 2 ปี

วิชาที่เรียนแล้วผุดขึ้นมาในหัววันนี้ก็เยอะอยู่
มากๆก็เห็นจะเป็น Enterprise Application Architecture ละ
คิดว่าถ้าไม่เรียนวิชานี้มาละก็คงไม่ได้ประโยชน์จากการนั่งตรวจเอกสาร spec ของเท่านี้ :]

เวลาที่เหลือก็นั่งอ่านเอกสารที่พี่เค้าให้มาอ่านเล่น
เน้นว่า "อ่านเล่น"
แต่ยื่นมาให้เป็นเอกสารของของที่ขายให้ลูกเค้าชิ้นนึง
เล่มก็บางๆนะ...

RSA enVision essentials (student guide)

600 หน้าเอง ภาษาก็ อังกฤษเอง จิ๊บๆ (ซีด 555)
ก็ไม่ได้โหดร้ายอะไรขนาดนั้นหรอก สนุกดีนะ
อันนี้ทำให้นึกถึงเอกสาร user manual ในวิชา Software Engineering อย่างบอกไม่ถูก
จริงๆไม่ได้เป็น user manual หรอกเล่มนี้ แต่ว่าก็มีส่วนคล้ายอยู่เหมือนกัน
แต่ว่าพออ่านกับเพื่อนๆไปได้ 48 หน้า อีก 2 หน่อก็หมดความอดทน
เหลือเรานั่งอ่านอยู่คนเดียวไปประมาณ 140 หน้า
แล้วก็ปิดหนังสือด้วยความไม่สามารถรับอะไรได้อีกแล้ว 555
มานั่งเปิดดู spec กล้องวงจรปิดกับอ่านบทความเรื่องหุ่นยนต์ในนิตรสารต่อ

พี่ HR เค้าก็ดูจะสงสารนะ ถามบ่อยๆว่าเบื่อไหม
พี่เค้าก็ไม่ได้เป็น engineer ก็คงไม่สามารถ assign งานอะไรให้ได้
พี่ที่เป็น engineer ก็ดูยุ่งมากกกกกก
ก็เข้าใจแหละ :]

อันนี้เป็นเรื่องระบบของแต่ละบริษัทจะจัดการแล้วละ
ว่ามีนโยบายเรื่องของการรับเด็กฝึกงานอย่างไร
ได้คุยกันระหว่างคนรับเด็กมาฝึก กับคนให้งานจริงๆมากน้อยแค่ไหน
มองเห็นว่าตรงนี้เป็นเรื่องของโอกาสหรือไม่
หรือมองเป็นอุปสรรค
หรือมองเป็นการศึกษา
หรือมองเป็นการสร้างภาพลักษณ์
หรือเป็นการโฆษณา
หรือเป็นการช่วยเหลือผู้อื่น
หรือว่าไม่ได้คิดไรเลย
นานาจิตตัง
เราก็ไม่มีทางรู้ได้ว่าเค้ามองว่าเป็นอะไร
ก็ไม่มีถูกไม่มีผิดนั่นแหละ

เป็นอีกวันหนึ่งที่ได้นั่งลงแล้วคิด

2 comments:

  1. พวก spec ของหน่วยงานราชการจะโหดมากอะ เค้ากำหนดมาละเอียดมาก

    ละเอียดถึงขั้นว่า พี่บอกยี่ห้อผมมาเหอะ แบบนี้อะ มันมีอยู่รุ่นเดียว 55+

    แล้วเวลาเซ็นสำเนาพวกนี้ก็เหนื่อยมากอะ

    เคยช่วยพี่กับพ่อปั้มตรายางว่าสำเนาถูกต้อง ลงชื่อ คนนี้ๆๆ เล่มนึงเกือบหกเจ็ดร้อยหน้า

    นี่แค่ปั้มยังเหนื่อยเลย แต่พ่อกับพี่ต้องเซ็นทุกแผ่น = ="

    ทำงานมันก็เหนื่อยเนอะ Orz

    ReplyDelete
  2. จริง พอได้ไปนั่งดูแล้วรู้สึกถึงความไม่อยากจบมาทำงานเลยอะ orz

    ReplyDelete